โรคหลอดเลือดสมอง หรือ อัมพฤกษ อัมพาต /Stroke ทางการแพทย์แผนไทยเกิดจากลมอุทธังคมาวาตาและลมอโธคมาวาตา พัดระคนกัน ทําให้มีอาการอัมพฤกษ์-อัมพาต
อัมพฤกษ์ หมายถึง ผู้ป่วยที่มีอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อแขน-ขา แต่สามารถขยับได้ระดับหนึ่งหรือหยิบ จับสิ่งของที่มีน้ําหนักตามปกติไม่ได้ เป็นโรคที่คล้ายคลึงกับอัมพาต แต่อาการน้อยกว่า
อัมพาต หมายถึง ผู้ป่วยที่มีอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อแขน-ขา ไม่สามารถขยับได้ซีกใดซีกหนึ่ง ลิ้น แข็งพูดไม่ชัด ปากเบี้ยว
ลมอัมพฤกษ์ หมายถึง ลมที่ทําให้เกิดการเคลื่อนไหวไม่ได้ โดยกระดูกไม่เคลื่อน
ลมอัมพาต หมายถึง ลมที่ทําให้เคลื่อนไหวไม่ได้และมีอาการกระดูกเคลื่อน ลมจับเอาก้นไปถึงราวข้าง จับเอาหัวใจแล้วให้ซึมมึน แล้วขึ้นไปราวบ่าทั้งสองข้างขึ้นไปจับเอาต้นลิ้น เจรจาไม่ได้ชัดแล
กลไกการเกิดโรคอัมพฤกษ อัมพาต ตามหลักทฤษฎีการแพทย์แผนไทย
เกิดจากลมขึ้นเบื้องสูง คือ ลมอุทธังคมาวาตาและลมลง เบื้องต่ํา คือ ลมอโธคมาวาตา พัดระคนกัน จนเกิดโทษ ลมทั้งสองนี้ เมื่อระคนกัน คือ ลมอโธคมาวาตา พัดย้อนขึ้น ไประคน กับ ลมอุทธังคมาวาตา หรือ ลมอุทธังคมาวาตา กลับพัดลงมาหา ลมอโธคมาวาตา เป็นเหตุให้โลหิตถูก พัดเป็นฟองและร้อนดังไฟ
ส่วนลมในทิศเบื้องต่ํา คือ ลมอัมพฤกษ์และลมอัมพาต เกิดแต่ปลายเท้าถึงเบื้องบน ลมทั้งสองนี้ เป็นที่ตั้งแห่งฐานลมทั้งหลาย เมื่อระคนกันก็ให้หวาดหวั่นไปทั่ว เพราะไปกระทบกับลมหทัยวาตะ คือ ลม ประจําหทยัง(หัวใจ) เมื่อลมระคนกันให้กําลังโลหิตแปรไป อาการที่ปรากฏจึงเป็นอาการทางระบบประสาท ให้จุกแน่น ชัก มือกํา เท้างอ ดิ้นไป ให้ลิ้นกระด้างคางแข็ง ขากรรไกรแข็ง เจรจาไม่ได้ บ)างสิ้นสติ หรือลมนั้นมีกําลังขับโลหิตให้คั่งเป็นวงเป็นสีตาม ร่างกาย
เกิดจาก 2 สาเหตุ คือ 1.)จากการบริโภคอาหารให้โทษ 8 ประการ คือ กินของดิบ บูดเน่า ของหยาบ ย่อยยาก กินมาก กินน้อยเกินไป กินผิด เวลา หรือกินเนื้อสัตว์มากเกินควร 2.)การกระทบร้อนกระทบเย็นมากเกิน
การรักษาและฟื้นฟูสภาพด้วยการแพทย์แผนไทย
การรักษาด้วยยาสมุนไพร แบ่งการรักษาเป็น 3 ช่วง ได้แก่
ช่วงต้น ผู้ป่วยไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลยหรือได้เล็กน้อย (เทียบระดับ motor power 0-2) ใช้ยารส สุขุมเย็น ได้แก่ ยาหอมทิพโอสถ หรือยาหอมเทพ จิตร ประมาณ 2-3 วัน เพื่อปรับระดับความดันโลหิต
ช่วงกลาง ผู้ป่วยเริ่มมีพัฒนาการ สามารถกระดิกนิ้ว มือ นิ้วเท้าหรือพอที่จะขยับแขนขาได้บ้าง แต่ยังไม่สามารถต้านแรงได้ (เทียบระดับ motor power 2-3) เน้นใช้ยารสสุขุมร้อน ได้แก่ ยาหอมนวโกฐ เพื่อช่วยกระตุ้นธาตุไฟ เสริมธาตุไฟ และอาจเพิ่มยาบํารุงเส้น ตามสภาพผู้ป่วยแต่ละราย
ช่วงปลาย ผู้ป่วยมีพัฒนาการดีขึ้น สามารถที่จะยืน ได้ ทำกิจวัตรประจําวันได้ด้วยตนเองมากขึ้น หรือบางรายเริ่มที่จะฝึกเดินสามารถพยุงน้ําหนักตัวเองได้ เน้นใช้ยา รสร้อน ได้แก่ ยาแก้ลมอัมพฤกษ์ หรือยาสหัศธารา เพื่อปรับลม บํารุงธาตุให้บริบูรณ
ยาสําหรับรักษาอาการร่วมอื่นๆ ยาเถาวัลย์เปรียง = อาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดร่างกาย ยาธรณีสันฑะฆาต ชาชงชุมเห็ดเทศ ช่วยระบาย แก้ท้องผูก ช่วยให้ลมที่คั่งค้างตามเส้นและเสมหะที่ผิดปกติ
ยาตำรับกัญชา
ยาแก้ลมแก้เส้น แก้ลมในเส้น บรรเทาอาการมือเท้าชา อ่อนแรง
รูปแบบยา ขนาดและวิธีใช้ รับประทานครั้งละ 2 กรัม วันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น ก่อนอาหาร น้ำกระสายยาที่ใช้
น้ำผึ้งรวง น้ำส้มซ่า
ถ้าหาน้ำกระสายยาไม่ได้ ให้ใช้น้ำสุกแทน
ข้อห้ามใช้ ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร ผู้ที่มีไข้ และผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ข้อควรระวัง ควรระวังการรับประทานร่วมกับยาในกลุ่มสารกันเลือดเป็นลิ่ม (anticoagulant) และยาต้านการจับตัวของเกล็ดเลือด (antiplatelets)
ควรระวังการใช้ร่วมกับยา phenytoin, propranolol, theophylline และ rifampicin เนื่องจากตำรับนี้มีพริกไทยในปริมาณสูง
ควรระวังการใช้ในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคแผลเปื่อยเพปติก และโรคกรดไหลย้อน เนื่องจากเป็นตำรับยารสร้อน
ควรระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยสูงอายุ
"โรคหลอดเลือดสมองเทียบเคียงกับโรคทางการแพทย์แผนไทย คือ โรคลมอัมพฤกษ์-อัมพาต เกิดจากลมทั้ง 2 ชนิด คือ ลมอุธังคมาวาตา เทียบได้กับระบบประสาทรับความรู้สึก ถ้าเกิดความพิการจะทำ ให้หมดความรู้สึกสัมผัส และลมอโธคมาวาตา เทียบได้กับระบบประสาทสั่งการ ถ้าเกิดความพิการจะทำ ให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ เมื่อลมทั้ง 2 ชนิดพัดระคนกัน จึงส่งผลให้เกิดโทษระคนกัน โดยแสดงอาการเหมือนกับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง เช่น ชา กล้ามเนื้ออ่อนแรง" - สิทธิศักดิ์ ติคำ* อาจินต์ สงทับ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
ข้อแนะนำในการปฎิบัติตัวของผู้ป่วย
ประคบความร้อนชื้น เพื่อใช้ความร้อนช่วย กระจายลมในบริเวณที่มีอาการปวดหรือชา ซึ่งผู้ป่วยจะรู้สึก ปวดกล้ามเนื้อลดลง กล้ามเนื้อผ่อนคลายขึ้นและช่วยการเพิ่ม การไหลเวียนของเลือด โดยประเมินจากการวัดความดันโลหิต ซํ้าหลังการบำ บัดรักษา (Nantadee, 2018 )
งดอาหารแสลง อาหารพวกของหวานจัด รสมันจัด ของเย็น เช่น ไอศกรีม เนยแข็ง เพราะอาหารแสลง อาทิ หน่อไม้ เครื่องในสัตว์ มีกรดยูริกสูง ทำ ให้มีอาการปวด อาหาร พวกมันเย็นจะส่งผลต่อธาตุไฟในร่างกายทำ ให้ธาตุไฟพิการ เมื่อธาตุไฟผิดปกติจะส่งผลกระทบต่อธาตุลมที่เป็นคู่ธาตุกัน ซึ่งเมื่อธาตุลมพิการ จะส่งผลให้อาการโรคหลอดเลือดสมอง กลับมา (Suknoo, 2021)
การทำท่าบริหาร เพื่อยืดหยุ่นกล้ามเนื้อ อย่าง น้อยวันละ 3 ครั้ง แนะนำ ให้ทำกายบริหารท่าฤๅษีดัดตน ท่า ดึงแขน-เท้าแขน 3 จังหวะ ท่านั่งยอง ๆ ท่าเขย่งปลายเท้า ซึ่งจะช่วยยืดกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นที่ปิดกั้นทางเดินของลม สามารถพัดเลือดและลมไปเลี้ยงกล้ามเนื้อบริเวณส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ดีขึ้น ทำ ให้อาการปวดกล้ามเนื้อบริเวณ หลัง บ่า แขน ต้นคอน้อยลง และช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด บริเวณหลัง บ่า คอ ศีรษะและช่วยป้องกันการแข็งเกร็งของกล้าม เนื้อได้ (Tikham, Viriyabubpa, & Bunluepuech, 2017)
พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกาย และธาตุทั้ง 4 มีความสมดุลกัน
ห้ามนอนทับแขน - ขา ข้างที่เป็นเนื่องจากจะ ทำ ให้เกิดอาการปวดหรือชาบางครั้งจากการนอนทับทำ ให้ การเคลื่อนไหวของลมบริเวณแขนและขาเคลื่อนไหวได้น้อยลง
Comments